ระบบชั้นดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล…
พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษในการก่อสร้างอาคาร เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น ที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีชั้นดินอ่อนและมีปัญหาการทรุดตัวของดิน.
ลักษณะชั้นดินหลักในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
1. ชั้นดินอ่อน (Soft Clay) – มีความหนาประมาณ 10-15 เมตร เป็นดินเหนียวอ่อนที่มีน้ำมาก รับน้ำหนักได้ต่ำ และเกิดการทรุดตัวง่าย
2. ชั้นดินแข็งปานกลาง (Stiff Clay/Silty Clay) – อยู่ลึกลงไปประมาณ 15-25 เมตร มีความแน่นมากขึ้น แต่ยังไม่แข็งพอสำหรับรับน้ำหนักอาคารสูง
3. ชั้นทรายและกรวด
(Sand & Gravel Layer) – อยู่ที่ระดับ 25-30 เมตรขึ้นไป เป็นชั้นที่มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับการตั้งเสาเข็มรับน้ำหนัก
4. ชั้นหินแข็ง (Bedrock) – อยู่ลึกมากกว่า 50 เมตร ขึ้นไป ถือเป็นชั้นที่มีความมั่นคงสูงสุด
⸻
ฐานรากที่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้างอาคารในกรุงเทพฯ และปริมณฑล. ✅
เนื่องจากชั้นดินอ่อนในกรุงเทพฯ ไม่สามารถรับน้ำหนักอาคารได้โดยตรง การเลือกใช้ฐานรากที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
1. ฐานรากตื้น (Shallow Foundation)
• ใช้ในกรณีอาคารขนาดเล็ก หรือบ้าน 1-2 ชั้น ที่น้ำหนักไม่มาก
• ตัวอย่างเช่น ฐานรากแผ่
(Spread Footing) หรือ ฐานรากแบบตอม่อ (Mat Foundation)
2. ฐานรากลึก (Deep Foundation) – เสาเข็ม (เหมาะสำหรับอาคารสูงกว่า 3 ชั้นขึ้นไป)
• ใช้รับน้ำหนักอาคารโดยถ่ายแรงลงไปยังชั้นดินที่แข็งแรง
• เสาเข็มตอก (Driven Pile) – เป็นเสาเข็มที่ตอกลงไปในดิน เหมาะสำหรับอาคารทั่วไป
• เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) – ใช้สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็ม
• เสาเข็มแบบสั้น (Micropile) – ใช้ในพื้นที่จำกัด เช่น อาคารที่ต้องต่อเติม
⸻
ข้อควรระวังในการก่อสร้างบนดินอ่อนในกรุงเทพฯ
🔹 ต้องคำนวณการทรุดตัวของดินล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเอียงของอาคาร
🔹 ควรเลือกใช้เสาเข็มที่มีความยาวเพียงพอเพื่อให้ถึงชั้นดินที่แข็งแรง
🔹 พื้นที่ใกล้แม่น้ำหรือคลอง อาจต้องใช้เสาเข็มลึกขึ้นเพื่อความมั่นคง
🔹 ควรทำการทดสอบดิน (Soil Test) ก่อนเริ่มก่อสร้าง เพื่อตรวจสอบความสามารถในการรับน้ำหนัก
หากคุณสนใจลงทุนสร้างอาคารกับ B Con Group เรามีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาและเลือกโครงสร้างฐานรากที่เหมาะสมสำหรับอาคารของคุณ !!!
📞 ติดต่อเราได้ที่ ☎️ 098-4251965
B Con Group – วางรากฐานที่แข็งแกร่ง สร้างอนาคตที่มั่นคง !!!
_____